FSIS แนะนำการติดฉลากใหม่ในเนื้อสัตว์
หน่วยงานบริการตรวจสอบความปลอดภัยอาหาร (FSIS) ภายใต้กระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา(USDA) เตรียมออกคู่มือการติดฉลากเพื่ออ้างถึงคุณลักษณะพิเศษในการผลิตปศุสัตว์ที่ระบุว่า ไร้ยาปฏิชีวนะ ผลิตแบบอินทรีย์ วัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า หรือปราศจากสารเร่งฮอร์โมน เป็นต้น
ทั้งนี้ ด้านผู้ผลิตต้องการให้ FSIS อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการควบคุมการใช้ฉลาก รวมทั้งผู้เลี้ยงต้องส่งเอกสารยืนยันการควบคุมในขั้นตอนการเลี้ยงที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ โดยคำแนะนำใหม่ ซึ่งออกโดย FSIS จะเปิดให้แสดงความคิดเห็นเป็นเวลา 60 วัน
ทั้งนี้ ด้านผู้ผลิตต้องการให้ FSIS อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการควบคุมการใช้ฉลาก รวมทั้งผู้เลี้ยงต้องส่งเอกสารยืนยันการควบคุมในขั้นตอนการเลี้ยงที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ โดยคำแนะนำใหม่ ซึ่งออกโดย FSIS จะเปิดให้แสดงความคิดเห็นเป็นเวลา 60 วัน
ที่มา: food Safety Magazine สรุปโดย: มกอช.
ผู้ผลิตนมมะกันจี้รัฐเว้นสินค้าชีสจากรายการลดโซเดียม
สมาคมอาหารนมนานาชาติ (IDFA) และสหภาพผู้ผลิตนมแห่งชาติ (NMPF) ของสหรัฐอเมริกา ยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (USFDA) นำชีสออกจากรายการที่แนะนำให้ปรับลดปริมาณโซเดียมหลังจากเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา USFDA ได้ออกร่างคำแนะนำให้บริษัทผลิตอาหารของสหรัฐฯ ปรับลดปริมาณการใช้โซเดียม โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้ผู้บริโภคลดการบริโภคโซเดียมจากเฉลี่ย 3,400 มิลลิกรัมต่อวัน ลดลงเหลือเพียง 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมผลิตนมมองว่า อุปสรรคที่สำคัญในการลดปริมาณโซเดียม คือการพยายาม หาวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับขั้นตอนการผลิตแต่ละรูปแบบ โดยปัจจุบัน โซเดียมมีบทบาทสำคัญ ในกระบวนการผลิตชีสและบ่มชีสโดยวิธีธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากอาหารประเภทอื่น เนื่องจากมีข้อจำกัดในการ ใช้เกลือที่เหมาะสมต่อการผลิตชีสแต่ละประเภท (ไม่สามารถเติมเกลือได้ในปริมาณที่ไม่จำกัด)
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมผลิตนมมองว่า อุปสรรคที่สำคัญในการลดปริมาณโซเดียม คือการพยายาม หาวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับขั้นตอนการผลิตแต่ละรูปแบบ โดยปัจจุบัน โซเดียมมีบทบาทสำคัญ ในกระบวนการผลิตชีสและบ่มชีสโดยวิธีธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากอาหารประเภทอื่น เนื่องจากมีข้อจำกัดในการ ใช้เกลือที่เหมาะสมต่อการผลิตชีสแต่ละประเภท (ไม่สามารถเติมเกลือได้ในปริมาณที่ไม่จำกัด)
ที่มา: The Beef site สรุปโดย: มกอช.
สหรัฐฯพบไวรัสก่อโรคคล้ายโปลิโอในหมู
ก่อนหน้านี้ มีรายงานการพบตัวอย่างสุกรบริเวณชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ที่มีความผิดปกติบริเวณขาหลัง โดยเป็นสุกรอายุ 11 สัปดาห์ ทำให้นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริการ่วมกันเก็บรวบรวมหลักฐานและวิเคราะห์ผลกระทบของโรคดังกล่าวต่ออุตสาหกรรมมสุกรในประเทศ
การตรวจสอบตัวอย่างพบว่ามีเชื้อไวรัสกลุ่ม Sapeloviruses ในสุกรในบริเวณประสาทส่วนกลางที่เกิดความเสียหาย แต่สายพันธุ์ที่พบเป็นสายพันธุ์ที่ต่างจากที่พบได้ทั่วไป โดยขณะนี้นักวิจัยกำลังเร่งพิจารณาของการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรงต่อระบบประสาทไขสันหลัง หรือก่อให้เกิดอาการทางประสาทอื่นๆอีกหรือไม่ ทั้งนี้ในเบื้องต้น กลุ่มนักวิจัยประเมินว่าไวรัสดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายในสุกรเลี้ยงร้อยละ 1-2 และยังไม่รายงานการติดต่อสู่คน
การตรวจสอบตัวอย่างพบว่ามีเชื้อไวรัสกลุ่ม Sapeloviruses ในสุกรในบริเวณประสาทส่วนกลางที่เกิดความเสียหาย แต่สายพันธุ์ที่พบเป็นสายพันธุ์ที่ต่างจากที่พบได้ทั่วไป โดยขณะนี้นักวิจัยกำลังเร่งพิจารณาของการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรงต่อระบบประสาทไขสันหลัง หรือก่อให้เกิดอาการทางประสาทอื่นๆอีกหรือไม่ ทั้งนี้ในเบื้องต้น กลุ่มนักวิจัยประเมินว่าไวรัสดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายในสุกรเลี้ยงร้อยละ 1-2 และยังไม่รายงานการติดต่อสู่คน
ที่มา: thepigsite.com สรุปโดย: มกอช.
สหรัฐฯ อนุมัติมันฝรั่ง GMO เพิ่ม 3 สายพันธุ์
กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) เปิดไฟเขียวให้กับมันฝรั่งดัดแปลงพันธุกรรม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ PPO_KO จากบริษัท Calyxt และสายพันธุ์ X17 และ Y9 จากบริษัท J.R Simplot ทั้ง 2 บริษัทได้ออกมาชี้แจงถึงการดัดแปลงพันธุกรรมมันฝรั่ง ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยลดการสูญเสีย โดยจะทำให้ลดปริมาณการทิ้งมันฝรั่งที่พบรอยช้ำซึ่งเกิดการถูกกระแทก และการเปลี่ยนสีของมันฝรั่งระหว่างการขนส่ง
อนึ่ง บริษัท Calyxt นั้นเคยได้รับอนุญาตให้ดัดแปลงพันธุกรรมมันฝรั่งแล้ว 1 สายพันธุ์ เมื่อปี 2557 ซึ่งในปัจจุบันมันฝรั่งสายพันธุ์ดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการทดลองเพาะปลูก
อนึ่ง บริษัท Calyxt นั้นเคยได้รับอนุญาตให้ดัดแปลงพันธุกรรมมันฝรั่งแล้ว 1 สายพันธุ์ เมื่อปี 2557 ซึ่งในปัจจุบันมันฝรั่งสายพันธุ์ดังกล่าวยังคงอยู่ระหว่างการทดลองเพาะปลูก
ที่มา: foodsafetynews.com สรุปโดย: มกอช.
ผู้ประกอบการ US หันมาใช้ข้าวสาลีเลี้ยงสัตว์เนื่องจากราคาถูก, โปรตีนสูง
นักวิเคราะห์การตลาดคาดการณ์ว่าจะมี ความต้องการข้าวสาลีเพิ่มซึ่งมีการนำเข้ามาแทนที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่มีราคาสูง และคาดว่าข้าวสาลีจะเป็นส่วนประกอบหลักในอาหารสัตว์ใน 1-2 ปีข้างหน้า เนื่องจากข้าวสาลีมีราคาถูกกว่าข้าวโพดและมีปริมาณโปรตีนที่สูงกว่า กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) เผยว่าความต้องการข้าวสาลีที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลดีต่อปริมาณข้าวสาลีที่ล้นตลาดในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลให้ราคาข้าวสาลีลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จนบางรัฐได้ประกาศราคาของข้าวสาลีที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปี นอกจากนี้ มีข้อสังเกตุว่าผลผลิตข้าวสาลีที่มีปริมาณมากจนเกินอาจไปส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณโปรตีนในข้าวสาลี ผู้ประกอบการจึงต้องเพิ่มปริมาณโปรตีนจากถั่วเหลืองและธัญพืชชนิดอื่นๆ ผสมในอาหารสัตว์ด้วย
ที่มา thepigsite.com สรุปโดย มกอช.
US บริโภคอาหารทะเลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รายงานจากองค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NOAA) พบว่าการบริโภคอาหารทะเลของชาวอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2558 มีค่าเฉลี่ยการบริโภคอาหารทะเลของชาวอเมริกาเพิ่มขึ้น 15.5 ปอนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 0.9 ปอนด์ ทั้งนี้รายงานการประมงของสหรัฐอเมริกา ยังเผยถึงตัวเลขการค้าประมงของสหรัฐอเมริกาว่ามีปริมาณถึง 9.7 พันล้านปอนด์ คิดเป็นมูลค่าถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งปลาที่เป็นที่นิยมและมีปริมาณการค้าขายมากที่สุด ยังคงเป็น ปลาอลาสก้าโพล็อค โดยปริมาณที่จับมีมูลค่า 3.3 พันล้านดอลลาร์ (เพิ่มขึ้น 4% จากปีที่แล้ว) นอกจากนี้ ยังมีปลา Atlantic menhaden และ Gulf menhaden ซึ่งมีมูลค่า 1.6 พันล้านดอลลาร์ ( เพิ่มขึ้น 29% ) จึงถือได้ว่าปลาและอาหารทะเลเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่นำเงินเข้าสู่เศรษฐกิจของประเทศหลายพันล้าน และสนับสนุนการจ้างงานกว่า 1.8 ล้านคน
ที่มา: thefishsite.com สรุปโดย: มกอช.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น