EU อนุญาตการใช้วัตถุเจือปนอาหาร potassium carbonate (E 501) ในสินค้าผัก-ผลไม้
เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐ คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกประกาศกฎ Commission Regulation (EU) 2017/1270 of 14 July 2017 amending Annex II to Regulation (EC) No 1333/2008 of the European Parliament and of the Council as regards the use of potassium carbonate (E 501) on peeled, cut and shredded fruit and vegetables ใน EU Official Journal L 184 Volume 1 ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
๑. กฎใหม่นี้เป็นการแก้ไขบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร (Union list food additives) ที่ ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในอาหารตามภาคผนวกที่ ๒ (Annex II) ของกฎระเบียบ Regulation (EC) No 1333/2008 โดยการแก้ไขบัญชีในครั้งนี้ เป็นการอนุญาตให้ใช้ potassium carbonate (E 501) ในสินค้าอาหารกลุ่ม 04.1.2 ผลไม้และผักปลอกเปลือก หั่น และหั่นซอยเล็ก ที่ไม่ได้แปรรูป แช่เย็น พร้อมรับประทาน และบรรจุหีบห่อ รวมถึงมันฝรั่งที่ไม่ได้แปรรูป ปอกเปลือก และบรรจุหีบห่อแล้ว เนื่องจากสารที่อนุญาตให้ใช้อยู่เดิม คือ ascorbic acid (E 300) มักจะทำให้เนื้อของผักและผลไม้สลาย ยุ่ย และเปลี่ยนสีหลังจากถูกสารไปแล้ว ๒ – ๓ วัน ซึ่ง potassium carbonate จะเป็นตัวช่วยไม่ให้ผักและผลไม้เปลี่ยนสีเป็นสีเข้มได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นสารที่ช่วยคงตัวและปรับความเป็นกรด-ด่างที่ได้รับจากสาร ascorbic acid
๒. Scientific Committee for Food กำหนดค่าที่ยอมรับได้รับต่อวัน (Acceptable Daily Intake : ADI) ของสาร carbonate ไว้ที่ระดับ « ไม่มีการระบุ (not specified) » เนื่องจากสารดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากใช้ในปริมาณเท่าที่จะได้รับผลทางเทคนิคที่ต้องการ (quantum satis) เท่านั้น
๓. กฎดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย ๒๐ วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ 15 กรกฎาคม ๒๕60)
๔. สำหรับรายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวนี้ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเวปไซต์ดังต่อไปนี้
โดย สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น