เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ สหภาพยุโรปได้ออกประกาศกฎระเบียบ Commission Regulation (EU) 2015/1760 of 1 October 2015 amending Annex I to Regulation (EC) No 1334/2008 of the European Parliament and of the Council as regards removal from the Union list of the flavouring substance p –mentha-1,8-dien-7-al ใน EU Official Journal L 257/27 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
๑. กฎระเบียบใหม่นี้เป็นการแก้ไขกฎระเบียบเดิม (Annex I ของ Regulation (EC) No 1334/2008) ที่กำหนดบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร (Union list) ที่อนุญาตให้ใช้ในอาหาร การแก้ไขกฎระเบียบครั้งนี้มีวัตถุ ประสงค์เพื่อระงับการใช้สารซึ่งเคยอนุญาตให้ใช้เป็นสารปรุงแต่งกลิ่นได้ (flavouring substance) จำนวน ๑ รายการ คือ p–mentha-1,8-dien-7-al
ทั้งนี้ เนื่องจากการประเมินผลของหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหาร ประจำสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority : EFSA) เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ระบุว่า สาร p–mentha-1,8-dien-7-al เป็นพิษต่อระบบพันธุกรรมในร่างกายสัตว์ทดลอง (genotoxic in vivo) ซึ่งสารดังกล่าวสามารถพบได้ตามธรรมชาติ ในเปลือกผลไม้บางชนิด โดยเฉพาะในงาขี้ม้อน (Perilla) และพืชในสกุลส้ม (Citrus)
ดังนั้น EFSA จึงเห็นควรระงับไม่ให้ใช้สาร p–mentha-1,8-dien-7-al เป็นวัตถุเจือปนอาหารอีก ต่อไป
๒. สำหรับรายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวนี้สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ต่อไปนี้
๓. กฎระเบียบดังกล่าว จะมีผลตามกฎหมาย ๒๐ วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๘)
อย่างไรก็ดี EU อนุโลมช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านให้สินค้าอาหารที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง กลิ่น p–mentha-1,8-dien-7-al ที่มีการวางจำหน่ายก่อนวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ สามารถวางจำหน่ายได้ต่อไป จนถึงวันที่สินค้าอยู่ในสภาพที่ควรบริโภคได้ต่ำสุด (until their date of minimum durability) หรือเมื่อถึงวันที่ควรบริโภคก่อนที่สินค้าจะหมดอายุ (use-by-date)
สำหรับสินค้าอาหารที่นำเข้าจากประเทศที่สามที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่งกลิ่น p–mentha-1,8-dien-7-al EU อนุโลมช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน หากผู้นำเข้าสามารถแสดงหลักฐานยืนยันได้ว่า สินค้าดังกล่าวถูกส่งไปจำหน่ายยัง EU ก่อนที่กฎระเบียบนี้จะมีผลปรับใช้ (ก่อนวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘) ก็สามารถวางจำหน่ายได้ต่อไปจนถึงวันที่สินค้าอยู่ในสภาพที่ควรบริโภคได้ต่ำสุด (until their date of minimum durability) หรือเมื่อถึงวันที่ควรบริโภคก่อนที่สินค้าจะหมดอายุ (use-by-date)
โดย สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป
ที่มา thaieurope.net กระทรวงการต่างประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น