วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559

EU Food News_EU ระงับการใช้สารปรุงแต่งกลิ่นบางรายการ Regulation (EU) 2016/178

                  เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สหภาพยุโรปได้ออกประกาศกฎระเบียบ Commission Regulation (EU) 2016/178 of 10 February 2016 amending Annex I to Regulation (EC) No 1334/2008 of the European Parliament and of the Council as regards removal from the Union list of certain flavouring substances ใน EU Official Journal L 35/6 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
                  ๑. กฎระเบียบใหม่นี้เป็นการแก้ไขกฎระเบียบเดิม (Annex I ของ Regulation (EC) No 1334/2008) ที่กำหนดบัญชีรายชื่อวัตถุเจือปนอาหาร  (Union list) ที่อนุญาตให้ใช้ในอาหาร การแก้ไขกฎระเบียบครั้งนี้มีวัตถุ ประสงค์เพื่อระงับการใช้สารซึ่งเคยอนุญาตให้ใช้เป็นสารปรุงแต่งกลิ่นได้ (flavouring substance) เนื่องจากภาคเอกชนผู้ผลิตสารในข้อ ๑.๑ ๑.๔ ได้ขอถอนการยื่นคำร้องที่จะใช้สารดังกล่าวและขอไม่ให้การสนับสนุนการใช้สารใน ข้อ ๑.๕ อีกต่อไป โดยมีรายชื่อสารดังต่อไปนี้
                        ๑.๑ vetiverol (FL No 02.214)
                        ๑.๒ vetiveryl acetate (FL No 09.821)
                        ๑.๓ 2-acetyl-1, 4, 5, 6-tetrahydropyridin (FL No 14.079)
                        ๑.๔ 2-propionyl pyrroline 1% vegetable oil triglycerides (FL No 14.168)
                        ๑.๕ methyl-2-mercaptoproprionate (FL No 12.266)
                     ดังนั้น หน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหาร ประจำสหภาพยุโรป (European Food Safety Authority : EFSA) จึงเห็นควรระงับไม่ให้ใช้สารทั้ง ๕ รายการเพื่อใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหารอีกต่อไป
                 ๒. สำหรับรายละเอียดของกฎระเบียบดังกล่าวสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากเวปไซต์ต่อไปนี้
                 ๓. กฎระเบียบดังกล่าว จะมีผลตามกฎหมาย ๒๐ วันหลังจากที่ประกาศใน EU Official Journal (ประกาศ ณ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙)
                     อย่างไรก็ดี EU อนุโลมช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านให้สินค้าอาหารที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง กลิ่นทั้ง ๕ รายการ ที่มีการวางจำหน่ายหรือติดฉลากในช่วง ๖ เดือนหลังจากที่กฎระเบียบนี้มีผลปรับใช้  สามารถ วางจำหน่ายได้ต่อไปจนกว่าสินค้าจะหมดอายุการบริโภค 


โดย สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น