ลูปินเป็นพืชสกุล Lupinus และเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Leguminosae โดยปกติแล้วเมล็ดลูปินมีการบริโภคในพื้นที่เมดิเตอร์เรเนียน ปัจจุบันพบการบริโภคแป้งลูปินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในออสเตรเลีย ยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยออสเตรเลียมีการผลิตได้ถึงร้อยละ 75-80 ของผลิตภัณฑ์ลูปินทั้งหมดในโลกและเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก การใช้แป้งลูปินในผลิตภัณฑ์อาหารครอบคลุมหลากหลายประเภท เช่น พาสต้า ขนมปัง เค้ก พิซซ่า ครีมชีส ไส้กรอกเต้าหู้ เครื่องเทศ แยม ก๋วยเตี๋ยว ซอสมะเขือเทศ
เนื่องจากกฎระเบียบมาตรฐานอาหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีการเปลี่ยนแปลงวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ส่งผลให้ลูปินถูกจัดเป็นสารก่อภูมิแพ้ในอาหาร ดังนั้นจึงต้องแจ้งการมีอยู่ของลูปินเมื่อใช้เป็นส่วนผสมในอาหารหรือองค์ประกอบของส่วนผสมรวมถึงสารปรุงแต่งอาหาร (Food Additives) และสารช่วยในกระบวนการผลิต (Processing Aids) เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบดังกล่าว สภาอาหารและร้านขายของชำในออสเตรเลียและสถาบันโรคภูมิแพ้ (Allergen Bureau) ได้ออกเอกสารแนะนำสำหรับภาคอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมเรื่องเวลา เพื่อให้มีการปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ ทั้งกรณีที่ใช้ลูปินเป็นส่วนผสมโดยตรงและจากการปนเปื้อน
ในยุโรปมีเอกสารและรายงานทางการแพทย์เกี่ยวกับการแพ้ลูปินและมีกรณีการแพ้อย่างรุนแรง ดังนั้นสหภาพยุโรป (กฎระเบียบสหภาพยุโรป เลขที่ 1169/2011) จึงให้ลูปินเป็นสารก่อภูมิแพ้บังคับที่จำเป็นต้องติดฉลากผลิตภัณฑ์อาหารที่มีลูปินทั้งหมด การแพ้ลูปินในออสเตรเลียมีรายงานครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 ว่าทำให้เกิดการแพ้ที่รุนแรง โดยไม่มีปฏิกิริยาข้ามกับถั่วลิสงหรือถั่วเหลือง Campbell และคณะ (2550) ได้รายงานความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันของผู้ป่วยที่แพ้ลูปินในระหว่างการทดสอบทางผิวหนัง (Skin Prick Testing, SPT) พบว่าความไวและอาการแพ้ไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดปฏิกิริยาข้ามกับพืชตระกูลถั่วชนิดอื่นๆ ในการศึกษาของ Goggin และคณะได้ทดสอบทางผิวหนัง (SPT) จากผู้ป่วยที่แพ้ลูปินสิบราย พบผู้ป่วย 3 รายให้ผลการทดสอบเป็นบวกกับถั่วลิสงและถั่วเหลือง นอกจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาเกี่ยวกับการแพ้ลูปินที่ไม่ได้เผยแพร่ในออสเตรเลียอีก 3 ฉบับ ข้อสรุปจากสำนักมาตรฐานอาหารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (FSANZ) พบรายงานผู้ป่วยที่แพ้ถั่วลิสงที่มีผลต่อลูปินในเด็กร้อยละ 25 และในผู้ใหญ่ร้อยละ 41 ตามลำดับ การศึกษาของ Foley และคณะแสดงให้เห็นว่าซีรั่มของผู้ป่วยที่แพ้ลูปินจะจับกับโปรตีนของลูปินที่แตกต่างกัน
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการและความชื่นชอบลูปินส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของลูปินมีจำนวนเพิ่มขึ้น (ในออสเตรเลียและทั่วโลก) ความแตกต่างของการประยุกต์ใช้ลูปินในผลิตภัณฑ์อาหารมักส่งผลให้การแสดงฉลากของลูปินไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์อาหาร ซึ่งไม่มีความชัดเจน การบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่มีลูปินเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การแพ้ลูปินเพิ่มขึ้น จากหลักฐานการแพ้ลูปินในออสเตรเลียและการประเมินความเสี่ยงที่ดำเนินการโดยสำนักมาตรฐานอาหารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้สรุปข้อมูลทางคลินิกในออสเตรเลียเกี่ยวกับการแพ้ลูปินว่าตอบสนองอย่างมีนัยสำคัญต่อเกณฑ์สากลสำหรับสารก่อภูมิแพ้ชนิดใหม่
ที่มา www.ifrpd-foodallergy.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น