วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

EU Food News_EU พิจารณาแก้ไขมาตรการสุ่มตรวจเข้มผักจากประเทศที่สาม (Review ครั้งที่ ๒๕)

ตาม Regulation (EC) No 669/2009 ที่ออกมาตรการสุ่มตรวจเข้มพืชกลุ่มเสี่ยงของประเทศที่สามที่ส่งไปจำหน่ายยังสหภาพยุโรป โดยให้มีผลปรับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๓ นั้น
                ในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศผลการพิจารณาแก้ไขมาตรการสุ่มตรวจเข้มครั้งที่ ๒๕ อย่างเป็นทางการใน EU Official Journal L 327/50 ตาม Commission Implementing Regulation (EU) 2016/2107 of 1 December 2016 amending Annex I to Regulation (EC) No 669/2009 as regards the list of feed and food of non-animal origin subject to an increased level of official controls on imports ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย Commission Implementing Regulation ดังกล่าวยังคงเป็นมาตรการเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่แตกต่างจากการ Review ครั้งที่ผ่านมา (Review ทุก ๖ เดือน) ดังนั้น จึงสรุปภาพรวมการตรวจเข้ม ผักจากไทย ณ ปัจจุบัน ได้ดังนี้
                   ๑. คงการตรวจหาสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างที่ระดับ ๒๐% ในผัก ๒ ประเภท คือ ผักในกลุ่มมะเขือและถั่วฝักยาวจากไทย 
                   ๒.   คงการตรวจหาสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างที่ระดับ ๑๐% ในพริกจากไทย
                  ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศอื่นๆ จากการ Review ครั้งนี้ พบว่า EU
                   ๑.  เพิ่มการสุ่มตรวจหาสารอัลฟลาทอกซินตกค้างที่ระดับ ๕๐% ในถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากถั่วลิสงจากประเทศโบลิเวีย
                   ๒.   เพิ่มการสุ่มตรวจหาเชื้อซัลโมแนลล่าปนเปื้อนที่ระดับ ๕๐% ในงาและตรวจหาสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างที่ระดับ ๒๐% ในมะเขือจากประเทศยูกันดา
                   ๓. เพิ่มการสุ่มตรวจหาสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างที่ระดับ ๒๐% ในสับปะรดจากประเทศเบนิน
                   ๔. เพิ่มการสุ่มตรวจหาสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างที่ระดับ ๒๐% ในองุ่นจากประเทศอียิปต์
                   ๕. เพิ่มการสุ่มตรวจหาสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างที่ระดับ ๒๐% ในทับทิมจากประเทศตุรกี
                   ๖. ยกเลิกการสุ่มตรวจหาสารอัลฟลาทอกซินตกค้างที่ระดับ ๒๐% ในถั่วพิสตาชิโอจากประเทศสหรัฐอเมริกา   
                   ๗. ยกเลิกการสุ่มตรวจหาสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างที่ระดับ ๒๐% ในแก้วมังกรจากประเทศเวียดนาม
            สำหรับรายละเอียดที่เกี่ยวข้องสามารถศึกษาได้จากเวปไซต์ดังนี้
                      โดย สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำสหภาพยุโรป 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น