หน่วยงานที่มีความประสงค์ขอความเห็นชอบเป็นหน่วยงานจัดการอบรม ผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหารนั้น จะต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขและประกาศของกรมอนามัย อย่างน้อย 9 ข้อหลักที่สำคัญ ดังนี้
1) หน่วยงานที่ยื่นคำขอต้องมีสถานะความเป็นหน่วยงาน หรือนิติบุคคล
2) มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่บริหารจัดการอบรม มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี อย่างน้อย 1 คน ที่ทำหน้าที่ประจำหน่วยงานจัดการอบรม
3) ต้องจัดการอบรมตามหลักสูตรที่กรมอนามัยกำหนดคือ
หลักสูตรผู้ประกอบกิจการต้องเข้ารับการอบรม 6 ชั่วโมง โดยมีผู้เข้ารับการอบรมไม่เกิน 50 คนต่อครั้ง และ
หลักสูตรผู้สัมผัสอาหาร ต้องเข้ารับการอบรม 3 ชั่วโมง โดยมีผู้เข้ารับการอบรมไม่เกิน 100 คนต่อครั้ง
4) วิทยากรของหน่วยงานจัดการอบรมหลักสูตรผู้ประกอบกิจการ ต้องไม่น้อยกว่า 2 คนต่อครั้ง ส่วนหลักสูตรผู้สัมผัสอาหารไม่น้อยกว่า 3 คนต่อครั้ง
5) มีการวัดผลและประเมินผลตามประกาศกรมอนามัย เช่น การทดสอบความรู้หลังการอบรมผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยใช้ชุดข้อสอบกลางของกรมอนามัย
6) ต้องจัดทำเอกสารหรือคู่มือประกอบการจัดการอบรมตามหลักสูตรที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนด
7) ในกรณีเรียกเก็บค่าบริการจากผู้เข้ารับการอบรม ต้องแสดงอัตราค่าบริการที่จะเรียกเก็บ เพื่อประกอบการพิจารณาการขอขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยงานจัดการอบรม
8) ต้องออกวุฒิบัตร หรือหนังสือรับรองที่มอบให้ผู้ผ่านการอบรมตามที่ประกาศกรมอนามัยกำหนดเพื่อให้ ผู้ผ่านการอบรมนำไปแสดงต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นที่ตั้งของสถานที่จำหน่ายอาหาร และ
9) กรมอนามัย จะดำเนินการติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล หรือให้คำแนะนำว่าให้หน่วยงานจัดการอบรมปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศ กระทรวงสาธารณสุขและประกาศของกรมอนามัย
ทั้งนี้ เมื่อหน่วยงานที่มีความประสงค์ขอความเห็นชอบเป็นหน่วยงานจัดการอบรมผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร ได้ดำเนินการยื่นเอกสารเพื่อขอความเห็นชอบที่สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัยแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ที่กรมอนามัยแต่งตั้งขึ้น โดยกรมอนามัยจะออกหนังสือแจ้งให้ผู้ยื่นคำขอทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอและจะจัดทำหนังสือแจ้งหน่วยงานและประกาศรายชื่อหน่วยงานจัดอบรมทางเว็บไซต์ สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ โดยหน่วยงานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นงานจัดการอบรมจะมีอายุการรับรองครั้งละ 5 ปี
ที่มา กรมอนามัย
ข่าวจาก สสส.